โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นโรคที่พบบ่อยในคนทำงาน โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานาน โรคนี้เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อและข้อต่อซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการอักเสบและปวดเมื่อยได้
อาการของโรคออฟฟิศซินโดรม
มักมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เช่น ปวดคอ บ่า ไหล่ ปวดหลัง ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว ปวดเมื่อยนิ้วมือ ข้อมือ มีอาการชาหรือเสียวแปลบ ๆ บริเวณแขนหรือขา เป็นต้น
วิธีการแก้โรคออฟฟิศซินโดรม
สามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ๆ คือ
การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน ดังนี้
- ปรับระดับโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระ
- ปรับระดับแสงสว่างให้เหมาะสม ไม่จ้าหรือสลัวเกินไป
- ปรับระดับเสียงให้เหมาะสม ไม่ดังหรือเบาเกินไป
- จัดวางอุปกรณ์สำนักงานให้เหมาะสม ไม่ทำให้ต้องเอื้อมมือหรือบิดตัวมากเกินไป
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน ดังนี้
- ลุกขึ้นเดินหรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุก ๆ 1 ชั่วโมง
- พักสายตาทุก ๆ 20-30 นาที
- หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง อ่านหนังสือ เป็นต้น
- หากอาการปวดเมื่อยไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
การรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม
แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาดังนี้
- ยา เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ
- กายภาพบำบัด เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การนวด การประคบเย็นหรือร้อน
- การรักษาด้วยเครื่องมือ เช่น เลเซอร์ อัลตราซาวนด์
การป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม
สามารถทำได้ ดังนี้
- ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงความเครียด
การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน
การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม ดังนี้
- โต๊ะทำงาน ควรมีระดับความสูงให้เหมาะสมกับสรีระ โดยระดับโต๊ะควรสูงพอที่หน้าจอคอมพิวเตอร์จะอยู่ระดับสายตา และ
- ไม่ต่ำจนต้องก้มหน้าลง หรือสูงจนต้องเงยหน้าขึ้น
- เก้าอี้ทำงาน ควรมีพนักพิงหลังที่สูงพอดีกับแผ่นหลัง และไม่แข็งจนเกินไป เบาะนั่งควรมีความนุ่มพอดี ไม่แข็งจนเกินไป
- และไม่ควรเอนจนเกินไป
- แสงสว่าง ควรมีความสว่างที่เหมาะสม ไม่จ้าจนเกินไป หรือสลัวจนเกินไป
- เสียง ควรมีความดังที่เหมาะสม ไม่ดังจนเกินไป หรือเบาจนเกินไป
- อุปกรณ์สำนักงาน ควรจัดวางให้เหมาะสม ไม่ทำให้ต้องเอื้อมมือหรือบิดตัวมากเกินไป
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ดังนี้
- ลุกขึ้นเดินหรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุก ๆ 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและป้องกันการเกร็งของกล้ามเนื้อ
- พักสายตาทุก ๆ 20-30 นาที โดยการมองออกไปไกล ๆ หรือหลับตาพักสายตา
- หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เช่น ออกกำลังกาย ฟังเพลง อ่านหนังสือ เป็นต้น
การออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง ช่วยลดอาการปวดเมื่อย และป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้ การออกกำลังกายที่แนะนำ ได้แก่ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น และการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เช่น การยกน้ำหนัก เป็นต้น
พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ ผู้ใหญ่ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งและปวดเมื่อยได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เช่น หากิจกรรมผ่อนคลาย ทำจิตใจให้สบาย เป็นต้น
หากปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นอย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้ หากมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ควรรีบปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน เพื่อป้องกันการลุกลามของอาการ