แต่วันนี้ การเกิดขึ้นของร้านขายข้าวแกง จำนวนมาก ทำให้ พ่อค้า แม่ค้าจะอยู่เฉยๆ แค่ทำอาหารออกมาขายเหมือนในอดีตนั้นไม่ได้อีกแล้ว ทุกคนก็จะต้องมีจุดขาย นอกเหนือจากรสชาติ และราคา จึงได้เป็นที่มาของร้านอาหารถาดหลุม 

ถ้ากล่าวถึงถาดหลุม หลายคนก็คงนึกย้อนกลับไปสมัยอยู่โรงเรียน และเชื่อว่า ถ้าย้อนนำถาดหลุมมาใช้เสิร์ฟอาหารในร้านข้าวแกง ก็น่าจะดี เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องกินข้าวแกง ที่นำแกงมาราดไปบนข้าว และด้วยเหตุนี้เอง ทางร้านข้าวแกง ย่านรามคำแหง ชื่อร้าน "จ๊ะเอ๋ ร้านแกงใต้" ได้นำไอเดียข้าวแกงถาดหลุมมาเป็นจุดขาย นอกเหนือจากรสชาติ และแกงที่มีให้เลือกกว่า 40-50 ชนิด 

นายสุทธิรักษ์ และ นางดวงจิตร สันติลีลาวุฒิ สามีภรรยา เจ้าของร้าน เล่าว่า ร้านข้าวแกงของเราเปิดมาได้ 7-8 ปี เป็นร้านข้าวแกงใต้ (แกงใต้แบบหาดใหญ่) มีแกงให้เลือกแต่ละวันไม่น้อยกว่า 40 ชนิด ที่เลือกทำแกงใต้ เพราะตนเองเป็นคนใต้ และร้านที่เปิดเป็นย่านรามคำแหงมีคนใต้อยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เมนูข้าวแกงใต้จึงเหมาะกับพื้นที่ในย่านนี้ 

ทั้งนี้ ที่เลือกถาดหลุมมาเป็นภาชนะ มาจากแม่ยาย ทำอาหารอยู่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง และทางโรงเรียนมีได้มีการสั่งถาดหลุมมาใส่อาหารให้กับเด็ก แต่ปัญหา คือ เด็กยังเล็กอยู่มาก ไม่สามารถถือถาดหลุมได้ไหว เพราะถาดมีน้ำหนักมากเกินกำลังเด็ก ก็เลยไม่ได้ใช้ แม่ยายแนะนำว่างั้น ซื้อถาดหลุมต่อจากโรงเรียนและนำมาใช้ที่ร้านแทน ซึ่งในครั้งแรก หลายคนมองว่า แปลกดี เพราะแม้ว่าจะคุ้นเคยกับถาดหลุมมาสมัยเรียน การนำถาดหลุมมาใช้ในร้านข้าวแกง ก็ดูเหมือนย้อนกลับไปวัยเด็ก 

 นายสุทธิรักษ์ เล่าว่า ร้านของเราเปิดตั้งแต่ ตี 3 และเปิดไปจนถึง ประมาณ บ่าย 2 โมง เพราะช่วงตี 3 จะได้ลูกค้า ที่ทำงานกลางคืน ช่วงเช้า และช่วงเที่ยงก็จะได้คนทำงาน และคนทั่วไป ส่วนรายได้หลักหมื่นบาท รายได้อยู่ในระดับที่พอใจ เพราะแต่วันกับข้าวที่ทำออกมาก็สามารถขายได้เกือบหมด จะมีเหลือบ้างถือว่า ไม่ได้ทำให้กำไรลดลง เพราะการเปิดร้านข้าวแกง การที่มีอาหารเหลือบ้าง เป็นเรื่องปกติ ส่วนราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ไม่ได้กระทบกับกำไร เพราะเน้นขายปริมาณ มาก กำไรต่อหน่วยลดลง แต่อาศัยว่าขายได้จำนวนอย่างที่ต้องการ 

สำหรับร้านข้าวแกงใต้ที่ปัจจุบันมีเปิดให้บริการจำนวนมาก ส่วนหนึ่ง เป็นจุดขายตรงความหลากหลายของเมนูกับข้าวที่มีให้เลือกจำนวนมาก และรสชาติจัดจ้าน ทำให้ได้รับความนิยม และเป็นเหตุผลที่มีร้านแกงใต้เปิดให้บริการจำนวนมากในกรุงเทพฯด้วย ส่วนการแข่งขัน ก็คงอยู่ที่ รสชาติ ราคาและความหลากหลายของเมนูอาหาร และถ้าเป็นไปได้พยายามจะทำเมนูเพิ่มขึ้นให้ได้ถึง 100 เมนู เพราะปัจจุบันบางวัน มีเมนูออกมาให้ลูกค้าเลือกถึงกว่า 60 เมนู การที่เมนูเพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้ต้นทุนเพิ่ม เพราะแต่ละเมนู ใช้วัตถุดิบไม่ได้แตกต่างกันมากนัก การที่เมนูเพิ่มขึ้นเป็นจุดขายที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น