“ศิริวัฒน์แซนด์วิช” นักสู้วิกฤตชาติ ตำนานผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา




น้อยคนนักที่จะนึกขอบคุณวิกฤตเศรษฐกิจของไทยเมื่อปี 2540 โดยเชื่อว่าเกิดจากฟ้าลิขิตให้วิถีชีวิตชีวิตเปลี่ยนไป อย่าง “ศิริวัฒน์แซนด์วิช” ที่กล้าพูดได้เต็มปากว่าถ้าไม่มีวิกฤตปี 40 ก็ไม่มีศิริวัฒน์แซนด์วิชในวันนี้ ที่ตนเองรู้สึกพออกพอใจกับธุรกิจดังกล่าว เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ตนเองยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ แต่ก็ยังสามารถเป็นต้นแบบ และสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังเครียดกับสถานภาพของผู้ว่างงานได้ในขณะนี้ได้อีกด้วย


 มาวันนี้คงไม่มีมีใครไม่รู้จัก “ศิริวัฒน์แซนด์วิช” ในฐานะผู้ที่เคยไปยืนอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิต กลับต้องตกมาอยู่ในสภาพของคนล้มละลาย และกลายเป็นผู้ที่มีหนี้เอ็นพีแอล (สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารพาณิชย์) รุ่นแรก ของไทยในช่วงปี 40 ซึ่ง นายศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ผู้ก่อตั้งศิริวัฒน์แซนด์วิช ที่ขณะนี้หากเอ่ยถึงแซนด์วิชจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแซนด์วิชที่คนไทยนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ นั้น คือ ศิริวัฒน์แซนด์วิช เพราะเส้นทางที่ต้องเผชิญกับอุปสรรค มานานกว่า 10 ปี ได้กลายเป็นตำนานกล่าวขานของนักสู้ชีวิต ที่แม้จะเจอมรสุมลูกใหญ่ขนาดไหนก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค 


มาวันนี้การฟันฟ่าอุปสรรคของเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากคนเราไม่คิดจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา สักวันต้องเป็นวันของเรา เพราะจากนายหน้าค้าหลักทรัพย์ และนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในตลาดหุ้น เขาเคยทำกำไรจากตลาดหุ้นมากมาย จนกระทั่งตลาดหุ้นตกต่ำลงพร้อมกับโครงการคอนโดมิเนียมหรู ในปี 2540 พนักงานที่เหลืออยู่กับเขา จำนวน 20 คน ได้แจ้งความประสงค์ที่จะทำงานอยู่กับเขา ทั้งๆ ที่เขาได้สูญเสียเครดิตทางด้านการเงินพร้อมกับความร่ำรวย เขาและภรรยาจึงได้ตัดสินใจที่จะลดค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ยกเว้นเงินเดือนของพนักงาน) เพื่อความอยู่รอด เช่นได้ขอยกเลิกการเช่าออฟฟิศเดือนละ 100,000 บาทเหลือเพียงแค่เช่าทาวน์เฮาส์ เดือนละ 15,000 บาท ต่อมาภรรยาของเขาเป็นคนเสนอแนะให้ทำและขายแซนด์วิช เพื่อหารายได้ให้กับครอบครัว 


“ตอนแรกที่ผมเจอวิกฤตตอนปี 40 แล้วแฟนให้ขายแซนด์วิช ผมยอมรับรับนะว่าผมอายมาก แต่ก็ต้องขาย โดยเริ่มขายที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นที่แรก โดยผู้บริหารให้ตั้งคีออสเล็กๆ ในวันนั้นผมจำได้ดีว่าทดลองขายแซนด์วิชเพียง 20 ชิ้น แต่ใช้เวลาขายนานกว่า 6 ชั่วโมงจึงขายหมด ซึ่งคิดว่าหากขายอยู่อย่างนี้คงไปไม่รอดแต่ก็จำได้ว่าในต่างประเทศเขามีกล่องสำหรับคล้องคอขาย ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดี จึงนำร่องที่ย่านสีลม ซึ่งการตอบรับก็ดี แต่ก็ไม่แคล้วโดนตำตรวจเทศกิจจับไปถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ท้อ เพราะได้แรงใจจากครอบครัวและลูกค้าที่ให้การอุดหนุน จนมีวันนี้ได้” 


จากคนที่เคยก้าวข้ามผ่านวิกฤตมาได้ ทำให้รู้ว่าเป็นหนทางที่ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะผู้ที่ขาดแรงใจสำคัญอย่างครอบครัว ช่วยผลักดันให้พร้อมต่อสู้ในช่วงวิกฤตของชีวิต ดังนั้นในฐานะที่นายศิริวัฒน์ ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ จึงไม่ต้องการเห็นผู้ที่กำลังท้อแท้ในโชคชะตากลายเป็นคนตกงานคิดทำร้ายตัวเองและครอบครัว รวมถึงเยาวชน ที่ต่อไปต้องกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเจ้าของธุรกิจในอนาคต ได้มีเกราะป้องกันตัวเองจากวิกฤตที่ยากเกินคาดเดา ส่งผลให้ศิริวัฒน์แซนด์วิช เปิดโอกาสให้เยาวชนรู้จักคิด รู้จักหารายได้เสริมให้กับครอบครัวด้วยการขายแซนด์วิช


 “ในช่วงปิดเทอมผมจะให้เด็กนักเรียนชายที่ยากจนตามต่างจังหวัด มาฝึกการขายแซนด์วิช ที่ลูกค้าจะสังเกตได้จากชุดนักเรียนที่สวมใส่ เพราะไม่เพียงแต่เด็กจะมีค่าขนมระหว่างปิดเทอมโดยเฉลี่ย 1,000-5,000 บาท/เดือน แล้วยังได้เรียนรู้การทำธุรกิจ การพูดกับลูกค้า การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากการขายแซนด์วิช ที่ถูกซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งโครงการดังกล่าวเหมือนกับการสร้างคนให้รู้จักทำมาหากิน ซึ่งเด็กเหล่านี้ทางผมก็ให้ที่พักฟรี และถ้าขายไม่หมดก็นำมาคืนได้ ซึ่งในส่วนของแซนด์วิชที่เหลือ ผมก็จะให้ลูกน้องรับประทาน หรือนำไปบริจาคบ้านสถานสงเคราะห์ต่างๆ ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลในเรื่องการคั่งค้างของสินค้า ในขณะที่เด็กผู้หญิงจะให้ทำในส่วนของการผลิต เนื่องจากเป็นงานที่ไม่หนักสำหรับเด็กผู้หญิงเกินไป สำหรับผู้ที่ต้องการให้ลูกหลานให้รู้จักสู้ชีวิตสามารถโทรมาสอบถามได้ที่ 0-2676-4772-3” 


 ปัจจุบันศิริวัฒน์แซนด์วิช ได้เติบโตไปอย่างมาก ทั้งในเรื่องของยอดขาย และแบรนด์ที่ติดปากคนไทย รวมถึงยังได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพของสินค้าที่สดใหม่ และดีต่อสุขภาพ โดยจะเห็นได้จากการแตกไลน์รูปแบบการขายแซนด์วิช แบบกล่องคล้องคอ เป็นร้านร้านกาแฟขนาดย่อมตามโรงพยาบาลชั้นนำของกทม. เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช, ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ และศูนย์การค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์ ภายใต้ชื่อร้าน “Coffee Corner" โดย ศิริวัฒน์แซนด์วิช” ที่นอกจากจะขายกาแฟ และแซนด์วิช แล้ว ยังได้แตกไลน์สินค้า เป็นซึชิ อาหารญี่ปุ่นประเภทข้าวปั้น ที่ออกไปในแนวรักสุขภาพ อย่าง ข้าวกล้องห่อสาหร่าย รายแรกของไทย, ข้าวกล้องหอมนิล-ข้าวกล้องหอมแดง ซึ่งข้าวสารทุกเม็ดมาจากเกษตรกร จ.อุบลราชธานี, ข้าวกล้องไส้ยำสาหร่าย ในรูปแบบของสามเหลี่ยม รวมถึงเครื่องดื่มชูสุขภาพอย่าง น้ำลูกเดือย น้ำมะเกี๋ยง สรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทางศิริวัฒน์แซนด์วิช จะเน้นการช่วยอุดหนุนผลผลิตของเกษตรกรไทย และวัตถุดิบที่ถือกำเนิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทยเช่นกัน โดยในอนาคตจะขยายสาขาร้าน Coffee Corner ให้มากขึ้น รวมถึงทำให้ศิริวัฒน์แซนด์วิชเข้าสู่ตลาด Mai และตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ต่อไป 


น้ำลูกเดือย


น้ำมะเกี๋ยง (สีแดง)


ไม่ลืมบุญคุณของลูกค้าที่ให้การสนับสนุน


ย้อนอดีตเมื่อครั้งขายแซนด์วิชตามข้างถนน



 มาวันนี้ “ศิริวัฒน์แซนด์วิช” ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหากคนเราไม่คิดโทษโชคชะตาที่ทำให้ตกต่ำ แต่กลับยอมรับมัน และเดินตามทางที่ควรจะเป็น วันที่ท้องฟ้าสดใสก็ต้องกลับคืนมา ซึ่งบทเรียนดังกล่าวน่าจะเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆ คนในยุคที่เศรษฐกิจไทยไม่เฟื่องฟูเหมือนแต่ก่อนได้เป็นอย่างดี 

BuddyJob.com © Copyright 2004-2024 All right reserved. | ข้อตกลงการใช้บริการ |